ผมสอนเรื่องฐานดินให้ ซึ้งถ้าใครทำขั้นแรกและขั้นสอง.. ได้ ก็สามารถรวยได้และจะมีบริวาร มาก หลวงปู่ธรรมบาลท่านบอกว่า คำว่าจนจะไม่มีสำหรับผู้ตั่งใจทำจริงๆ แค่สมาธิขั้นต้นๆนี้แหละถ้าวางถูกจุดและหมั่นทำอย่างสม่ำเสมอ ก็จะแก้ทุกข์หยาบคือความจนได้แน่นอน ...
* แล้วถ้าทำได้ถึงขั้นฌาณ จะขนาดใหน
แต่จะพูดถึงฌาณ ต้องได้ขั้นต้นก่อน ที่ว่าได้คือชำนาญ ในสมาธิขั้นต้นก่อน เราส่วนมากแม้แต่สมาธิขั้นต้นคือขนิกะสมาธิยังไม่รู้จักและแยกแยะสภาวะไม่ถูกเลย หนำซ้ำยังจำแนกองค์ของสมาธิไม่ได้ ไม่รู้จักเครื่องกั้นการทำสมาธิ ยังไงก็พัฒนาไปสู่สมาธิขั้นสูงยิ่งๆขึ้นไม่ได้ บางที่ทำไปก็จะหลงในนิมิต หลงในปิติ ที่เป็นของแปลกใหม่ จนเข้าใจว่าได้ฌาฌได้ญาณพิเศษอะไรกันอีก ก็จะทำให้ยึดและติดในอารมณ์นั้นๆและไม่สามารถก้าวล้วงพ้นและพัฒนาจิตให้สูงขึ้นไปได้ ปกติจิตเรามันไม่ได้พัฒนาแบบขึ้นขั้นบันใดค้าง แต่มันจะขึ้นลงขึ้นลงไปมาสูงบ่างต่ำบ่าง จนบางทีบางคนไม่เขาใจจึงว่าตนไม่ได้อะไร ที่แท้จิตมันกำลังพัฒนาอย่างเป็นขั้นเป็นลำดับ การที่จิตสงบได้มากน้อยต่างกันในแต่ละครั้งและไม่สงบในบางครั้งหรือบ่อยครั้ง นั่นเป็นอาการจิตมันทำหน้าที่ อุโลมปฏิโลม คือเดินหน้าสู่ความสงบและถอยหลังกลับมาสู่ความไม่สงบ เพื่อให้ปัญญาเห็นแจ้งในอารมณ์ว่าทุกอย่างเป็นความไม่เที่ยง แท้ จะสุขหรือทุกข์ก็ตาม มีจิตดำเนินขึ้นลงจนชำนาญก็จะทำให้เห็นทางที่ชัดเจนด้วยปัญญา การหยั่งรู้อารมณ์ตนเอง จึงไม่ยินดียินร้ายในสภาวะจิตที่ขึ้นลงไปมา จิตจึงจะพัฒนาและขยับขึ้นสู่สภาวะละเอียดต่อไป และก็จะยังขึ้นลงอย่างนี้ปกติ จะสมาธิขั้นใหนก็เป็นอย่างนี้ จะขั้นต้นก็ต้องให้ชัดเจนแจ้งชัดในสภาวะและความละเอียดอ่อน สมาธิขั้นต้น มีองค์ประกอบอะไรบ่าง ลักษณะอาการเป็นอย่างไร ต้องถามตอบตนเองได้ชัดเจน จึงจะเข้าใจสมาธิขั้นสูงยิ่งขึ้นได้ เพราะที่จริงแล้ว จะสมาธิขั้นต้นหรือขั้นใหนมันสำคัญเสมอกับ ถ้าเงินร้อยมันขาดเงินแค่บาทเดียวมันก็ไม่ครบร้อยอยู่ดี
*ท่านอาจจะเข้าใจยาก แต่ก็อยากอธิบายให้รู้ว่าอย่ามองข้ามสมาธิเล็กน้อย เพราะถ้ามองข้ามและทิ้งความสำคัญ คุณจะไม่มีวันได้สมาธิที่แท้จริงของศาสนาพุทธเลย....สาธุๆๆ
(คนที่ปฎิบัติธรรมแล้วยังจนกันอยู่ไม่รวยสักที ต่อให้ได้ฌาน แสดงฤทธิ์ได้ก็ยังจน เพราะเอาใจลงไม่ถึงดิน ทั้งใช้เทวดาและเบิกบุญมาใช้ไม่เป็น.)
* แล้วถ้าทำได้ถึงขั้นฌาณ จะขนาดใหน
แต่จะพูดถึงฌาณ ต้องได้ขั้นต้นก่อน ที่ว่าได้คือชำนาญ ในสมาธิขั้นต้นก่อน เราส่วนมากแม้แต่สมาธิขั้นต้นคือขนิกะสมาธิยังไม่รู้จักและแยกแยะสภาวะไม่ถูกเลย หนำซ้ำยังจำแนกองค์ของสมาธิไม่ได้ ไม่รู้จักเครื่องกั้นการทำสมาธิ ยังไงก็พัฒนาไปสู่สมาธิขั้นสูงยิ่งๆขึ้นไม่ได้ บางที่ทำไปก็จะหลงในนิมิต หลงในปิติ ที่เป็นของแปลกใหม่ จนเข้าใจว่าได้ฌาฌได้ญาณพิเศษอะไรกันอีก ก็จะทำให้ยึดและติดในอารมณ์นั้นๆและไม่สามารถก้าวล้วงพ้นและพัฒนาจิตให้สูงขึ้นไปได้ ปกติจิตเรามันไม่ได้พัฒนาแบบขึ้นขั้นบันใดค้าง แต่มันจะขึ้นลงขึ้นลงไปมาสูงบ่างต่ำบ่าง จนบางทีบางคนไม่เขาใจจึงว่าตนไม่ได้อะไร ที่แท้จิตมันกำลังพัฒนาอย่างเป็นขั้นเป็นลำดับ การที่จิตสงบได้มากน้อยต่างกันในแต่ละครั้งและไม่สงบในบางครั้งหรือบ่อยครั้ง นั่นเป็นอาการจิตมันทำหน้าที่ อุโลมปฏิโลม คือเดินหน้าสู่ความสงบและถอยหลังกลับมาสู่ความไม่สงบ เพื่อให้ปัญญาเห็นแจ้งในอารมณ์ว่าทุกอย่างเป็นความไม่เที่ยง แท้ จะสุขหรือทุกข์ก็ตาม มีจิตดำเนินขึ้นลงจนชำนาญก็จะทำให้เห็นทางที่ชัดเจนด้วยปัญญา การหยั่งรู้อารมณ์ตนเอง จึงไม่ยินดียินร้ายในสภาวะจิตที่ขึ้นลงไปมา จิตจึงจะพัฒนาและขยับขึ้นสู่สภาวะละเอียดต่อไป และก็จะยังขึ้นลงอย่างนี้ปกติ จะสมาธิขั้นใหนก็เป็นอย่างนี้ จะขั้นต้นก็ต้องให้ชัดเจนแจ้งชัดในสภาวะและความละเอียดอ่อน สมาธิขั้นต้น มีองค์ประกอบอะไรบ่าง ลักษณะอาการเป็นอย่างไร ต้องถามตอบตนเองได้ชัดเจน จึงจะเข้าใจสมาธิขั้นสูงยิ่งขึ้นได้ เพราะที่จริงแล้ว จะสมาธิขั้นต้นหรือขั้นใหนมันสำคัญเสมอกับ ถ้าเงินร้อยมันขาดเงินแค่บาทเดียวมันก็ไม่ครบร้อยอยู่ดี
*ท่านอาจจะเข้าใจยาก แต่ก็อยากอธิบายให้รู้ว่าอย่ามองข้ามสมาธิเล็กน้อย เพราะถ้ามองข้ามและทิ้งความสำคัญ คุณจะไม่มีวันได้สมาธิที่แท้จริงของศาสนาพุทธเลย....สาธุๆๆ
(คนที่ปฎิบัติธรรมแล้วยังจนกันอยู่ไม่รวยสักที ต่อให้ได้ฌาน แสดงฤทธิ์ได้ก็ยังจน เพราะเอาใจลงไม่ถึงดิน ทั้งใช้เทวดาและเบิกบุญมาใช้ไม่เป็น.)
ที่กล้ายืนยันตรงนี้เพราะที่ผมเสกเครื่องรางให้ท่านบูชาและทดลองเครื่องรางนั้น ก็แค่สมาธิขั้นต้นๆเท่านั้น ไม่ได้มีสมาธิสูงส่งอะไร จึงรับลองด้วยการทำให้ดูและพิสูจน์ให้ดูว่า สมาธิขั้นต้นๆนี้ก็มีอานุภาพมากมายถ้ารู้จักคุณและใช้เป็น
..เหมือนสะเก็ดไฟนิดเดียว ถ้าเกิดถูกที่ก็สร้างเปลวเพลิงได้มหาศาล สมาธิก็เช่นกัน...!
..เหมือนสะเก็ดไฟนิดเดียว ถ้าเกิดถูกที่ก็สร้างเปลวเพลิงได้มหาศาล สมาธิก็เช่นกัน...!
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น