
บริกรรมภาวนาหมายถึง
สํารวมใจสวดมนต์ภาวนา สํารวมใจร่ายมนตร์หรือเสกคาถาซํ้า ๆ หลายคาบหลายหนเพื่อให้เกิดความขลังความศักดิ์สิทธิ์.
การทำสมาธิโดยวิธีนึกคำบริกรรม, การทำสมาธิ คือการทำใจให้สงบนิ่งมีวิธีทำได้หลายวิธี แต่มีอยู่วิธีหนึ่ง เรียกว่า บริกรรม คือผู้ทำสมาธิจะนึกถึงคำใดคำหนึ่งตามที่ พระอาจารย์จะเลือกให้หรือเลือกเอง เช่นคำว่า พุทโธ อรหัง ยุบหนอพองหนอ เป็นต้น การนึกว่าในใจซ้ำๆ ขณะเดียวกันก็น้อมใจนึกถึงแต่คำบริกรรมนั้นไม่หยุด นับเป็นชั่วโมงหรือเป็นวัน ติดต่อกันเนืองๆ ก็จะทำให้เกิดสมาธิจิตขึ้นมาได้ แม้ในหลักของการใช้คาถาให้ศักดิ์สิทธิ์ ก็มีหลักการปฏิบัติที่สอดคลองอย่างเดียวกัน นั่นก็คือเมื่อเราต้องการเล่าเรียนคาถาให้ศักดิ์สิทธิ์เข้มขลัง ก็ให้เลือกเอาบทคาถาบทใดบทหนึ่งมาท่องบริกรรมในใจตลอดทั้งวัน น้อมจิตนึกถึงตัวบทคาถากลับไปมาอยู่อย่างนั้น แม้จะทำอะไรอยู่ก็น้อมจิตนึกถึงคาถาบทนั้นๆกลับไปกลับมา ทำจนจิตเรารวมเป็นอันเดียวกับคาถาบทนั้นๆ ก็จะทำให้เกิดจิตชนิดหนึ่งที่เรียกว่า อารมณ์เดียว จิตเป็นหนึ่งเดียว มีสมาธิกำลังที่ตั่งมั่น ถ้าเป็นคาถาด้านคงกระพัน จิตจะฮึกเหิม ไม่เกรงกลัวต่อสิ่งใดเลย ยิ่งบริกรรมขนหัว ขนตัวจะยิ่งลุกเป็นปิติเกิดขึ้นเป็นละลอก จิตจะกล้าแข็งคาถาก็จะเกิดอานุภาพเข้มขลังมาก คนใดทำได้อย่างนี้ ฝึกได้อย่างนี้ คือไม่ขี้เกียจขี้คลานในการบริกรรม ตั่งจิตน้อมนึกถึงคุณครู น้อมนึกถึงบทคาถา และเพียรพยายามท่องซ้ำไปมาในใจไม่ได้ขาด เขาผู้นั้นย่อมให้ถึงความสำเร็จแก่การเล่าเรียนคาถาเลขยันต์ได้เร็วไวอย่างแน่นอน วิธินี้ผู้เขียนได้ทำมาเป็นผมมาแล้ว ถ้าใครทำตามจะเกิดผมตามที่กล่าวมา เมื่อเริ่มเรียนกับพ่อครู ผมเองจะเอาบทคาถามากระทำอย่างที่กล่าวนี้ไม่ถึงสามวันก็ให้เห็นความแตกต่างและเปลี่ยนแปลง เราอาจเข้าใจแค่ว่าการทำสมาธิทำได้แค่การนั่งสมาธิจึงเรียกว่าทำสมาธิ แท้ที่จริงแล้วการที่เราจะทำให้จิตเกิดเป็นสมาธิและมีกำลังได้นั้น มีหลายวิธี และวิธีหนึ่งนั้นก็คือการบริกรรม ถ้าในหลักการปฏิบัติธรรม การบริกรรมบทภาวนานั้นจะมีเจตนาเพื่อให้จิตสงบระงับจากนิวรณ์ธรรม คือเครื่องเศร้าหมองใจ เมื่อนิวรณ์สงบก็จะพัฒนาจิตเข้าสู่การเจริญปัญญาเป็นลำดับ หากแต่เมื่อเราต้องการนำสมาธิมาใช้กับการเรียนพระคาถานั้น ครูบาอาจารย์ท่านก็จะสอนให้เอาบทหัวใจคาถานั้นๆให้ฝึกในการบริกรรมจนเกิดสมาธิและเป็นผลให้คาถาเข็มขลัง ฉนั้นถ้าผู้ใดเล่าเรียนคาถาแล้วรู้สึกว่าตนเองเรียนไม่ขลังไม่ศักดิ์สิทธิ์ ก็ให้ปฏิบัติตามที่กล่าวสอนนั้นเสีย แล้ววิชชาจะเกิดความก้าวหน้า เมื่อท่านจะเรียนวิชชาควบคู่ไปกับการบริกรรมนั้น สิ่งจำเป็นอย่างหนึ่งที่จะเป็นเครื่องควบคุมจิตเราให้ดำเนินไปตามรอยความดีได้คือการทำตนให้มีศีล ฝึกสมาธิ เจริญสติไปพร้อมๆกับการฝึกเอาคาถามาบริกรรม เพราะเเรงแห่งคาถานั้น ถ้าผู้ใดเรียนขลังมากๆ จะฮึกเหิมมาก ยิ่งขลังยิ่งฮึกเหิมไม่เกรงกลัว จนบางคลั้งลืมนึกถึงชั่วดีไปเลย คนถ้าขาดสติยับยั้งมันก็สามารถทำให้เกิดผลเสียหายได้ ถ้าเคยได้ยินประวัติคนเก่าก่อนที่ท่านเรียนวิชชาขลังๆ เวลาวันพระหรือวันโกน แม้บ่างทีเวลาโกรธ ก็จะแสดงอาการที่น่ากลัวและเหลือเชื่อ ครูบางคนวิชชาเข็งมากๆ เวลาของขึ้นแล้วบังคับความรู้สึกตนไม่ได้ก็จะต้องหาที่ละบาย เช่นวิชชาหนุมานคลุกฝุ่นบางท่านตอนของขึ้นวิ่งชนเข้าไปในกอไผ่หนามโดยไม่เป็นอะไร แต่พอหมดฤทธิ์เท่านั้น ออกจากกอไม้ไผ่หนามไม่ได้ ต้องให้คนตัดเข้าไปช้วย อย่างนี้ก็มี ซึ่งก็เป็นอาการคนเรียนวิชชาขลัง แต่ควบคุมจิตตนไม่ค่อยได้ ฉนั้นก็ต้องให้ผู้ฝึกปฏิบัติศีลธรรม จะได้มีสติยับยั้งตนได้ วิธีเรียนให้คาถาขลังมันมีเคล็ดไม่มากอะไร บางทีมันเรื่องง่ายๆที่เรามองข้าม ผมนั้นบอกแนะนำท่านได้ แต่ถ้าจะให้ผมฝึกอย่างเดิมผมเองนั้นเลิกแล้ว เพราะมันร้อนรน ขลังมากใจมันร้อนรนเป็นทุกข์ เพราะจิตมันมุ่งแต่เรื่องอย่างนี้ คนที่เพ่งไปทางใหนมาก จิตก็จะเอนเอียงไปในทางนั้นโดยอัตนโนมัติ คนเรียนเสน่ห์มาก ก็จะเป็นคนกามมาก จิตจะนึกวนแต่เรื่องกาม เรื่องการเสพกาม คนเรียนคงกระพัีนก็จะเอนเอียงไปทางโทษะมาก กระทบกับอารมณ์มีคนว่านิดหน่อยก็โกรธตัวสั่นใจสั่นขนลุกขนพอง แทบอยากจะฉีกเนื้อคนอื่นกิน ความรู้สึกมันอย่างนั้นเลย
ทุกอย่างในโลก มันมีทั้งข้อดีและข้อเสียในสิ่งๆนั้น หากเราท่านมีปัญญาประกอบเราก็จะสามารถเลือกใช้ด้านดีๆได้อย่างถูกต้องและควบคุมด้านไม่ดีได้ไม่ให้เกิดโทษ และก็ไม่มีใครทำให้กันได้ มีแต่บอกกันไว้เตือนกันไว้เท่านั้น ต่างคนต่างก็ต้องทำเอา ในหลักการฝึกคาถาให้ขลังที่กล่าวมานี้ ผมก็ได้แสดงทั้งผลดีและผสเสียให้ได้เห็น เพื่อให้เราท่านได้พิจจารนาเอาในการถือปฏิบัติ
ท้ายที่สุดนี้ ก็ขอให้จิตเรานั้น ตกอยู่ในอำนาจความดีให้มากเถิด ไม่มีอะไรเกินกรรม เมื่อรู้เช่นนั้น จงหมั่นสร้างกรรมดีให้จงมาก เพื่อเราจะได้เป็นที่พึ่งที่แท้จริงในทุกๆภพชาติที่ยังเวียนเกิดเวียนตายอยู่
จงใช้วิชชาเป็นเครื่องมือเเสวงหาความดีเข้าตน อย่าเอาวิชชามาครอบงำใจตน เด้อออ สาธุๆๆ
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น